
ถ้าหากติดตามข้อมูลเกี่ยวกับโควิด 19 โดยตลอด คงพอรู้ว่ากรุ๊ปคนเสียชีวิตจากโรคนี้มีจำนวนมากที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ทำให้กระทรวงสาธารณสุขจำเป็นต้องเสนอแนะให้บุคคลที่อยู่ใน 7 โรคกรุ๊ปเสี่ยงเข้ารับการฉีดยาวัววิด 19 อย่างเร็ว เพื่อป้องกันอาการป่วยหนักและลดอัตราการเสียชีวิต ส่วนจะมีโรคอะไรบ้าง และทำไมทั้ง 7 โรคถึงมีความเสี่ยงสูงหากติดโควิด 19 มาทำความเข้าใจกัน
ทำไมถึงมีอาการรุนแรงเมื่อติดโควิด
เพราะเชื้อไวรัสโคโรนาจะเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจและลงไปทำลายปอด ซึ่งจะทำให้เนื้อปอดได้รับความเสียหาย และเนื่องจากปอดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรังจะมีอาการรุนแรงขึ้นได้ เช่นเดียวกับโรคหอบหืดที่เชื้อจะทำให้อาการกำเริบและกระตุ้นให้อาการหนักขึ้น
ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกกลุ่ม ไม่ว่าG2GBETจะเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ล้วนมีความเสี่ยงหากติดโควิด 19
ทำไมถึงมีอาการรุนแรงเมื่อติดโควิด
ต้องรู้อะไรก่อนฉีดวัคซีนโควิด
ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ แต่หากมีอาการต่อไปนี้ให้รอจนกว่าอาการจะคงที่ หรือให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาอีกที
- มีอาการหัวใจกำเริบเฉียบพลันและอาการยังไม่คงที่ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเฉียบพลัน หรือภาวะหัวใจล้มเหลวชนิดเฉียบพลัน ให้รอจนกว่าอาการดีขึ้นและคงที่จึงจะฉีดวัคซีน โดยให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาเป็นราย ๆ ไป
- หากรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่ เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin) ควรจะต้องมีระดับ INR น้อยกว่า 3 สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดกลุ่มใหม่ และยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน, โคลพิโดเกรล, ทิคาเกรลอล, พราซูเกรล สามารถฉีดวัคซีนได้ ควรใช้เข็ม 23G หรือเล็กกว่า และไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน
การศึกษาพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่ติดโควิดเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าคนที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานถึง 2 เท่าตัว และมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า 3 เท่าตัว จึงเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตสูงเป็นอันดับต้น ๆ การฉีดวัคซีนป้องกันเป็นการลดความรุนแรงของการติดเชื้อ และลดอัตราการเสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 90
โดยปัจจุบันทั่วประเทศมีผู้ป่วยเบาหวานกว่า 3 ล้านคน รวมทั้งพบในเด็กและเยาวชนด้วย ดังนั้นจึงควรเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว ทั้งผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2
ทำไมถึงมีอาการรุนแรงเมื่อติดโควิด
- ฤทธิ์ของไวรัสจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนและควบคุมได้ยาก ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- ร่างกายจะมีปฏิกิริยาต่อต้านไวรัสและเกิดการอักเสบ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดยิ่งสูงขึ้น ซึ่งระดับน้ำตาลที่สูงกว่าปกติทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานลดลง ไวรัสกระจายตัวได้ง่าย
- เชื้อไวรัสเจริญเติบโตได้ดีในเลือดที่มีน้ำตาลสูง และทำให้หลอดเลือดบางจนเกิดภาวะปอดบวม ระบบหายใจล้มเหลว
- ผู้ป่วยเบาหวานหลายคนมีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ร่วมด้วย ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่ออาการรุนแรง
ต้องรู้อะไรก่อนฉีดวัคซีนโควิด
- หลังฉีดวัคซีนอาจมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แนะนำให้เจาะน้ำตาลปลายนิ้วอย่างสม่ำเสมอภายใน 48 ชั่วโมง หลังฉีดยา
เกณฑ์ของโรคอ้วนคือ มีค่าดัชนีมวลกาย 30 ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม จัดเป็นกลุ่มที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เพราะมีอัตราเสียชีวิตจากการติดโควิดสูงไม่ต่างจากโรคอื่น ๆ
ทั้งนี้ สามารถเช็กค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของตัวเองได้ โดยใช้สูตร น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร ยกกำลังสอง)
ทำไมถึงมีอาการรุนแรงเมื่อติดโควิด
- เมื่อร่างกายติดเชื้อไวรัส ปริมาณไขมันในร่างกายที่มากเกินไปทำให้การอักเสบเพิ่มสูงขึ้น
- คนอ้วนมาก ๆ จะมีความเสี่ยงในการเกิดกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (ARDS) เนื่องจากไขมันที่สะสมในช่องท้องจะดันกระบังลมขึ้นไปเบียดปอด ส่งผลให้ปอดมีขนาดเล็กลง การขยายตัวของปอดทำได้อย่างจำกัด จึงมีความเสี่ยงสูงขึ้น
- ยากต่อการใส่ท่อช่วยหายใจ และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ทำได้ลำบาก
- ผู้ที่มีภาวะอ้วนมักมีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ส่งผลให้อาการแย่ลงอย่างรวดเร็ว
- คนอ้วนมีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่ขาได้ง่าย เพราะไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย และลิ่มเลือดยังสามารถไปอุดตันที่ปอด สมอง หรือหัวใจ และโควิด 19 มีผลทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีภาวะอ้วนร่วมด้วยจะส่งผลให้อาการลิ่มเลือดอุดตันเกิดความรุนแรงได้มากขึ้น
- คนอ้วนจะมีระดับภูมิคุ้มกันน้อยกว่าปกติ รวมทั้งการตอบสนองต่อวัคซีนและยาที่ใช้รักษาน้อยกว่าคนปกติ
ในที่นี้ต้องเป็นผู้ป่วยโรคไตที่อยู่ในระยะ 5 ขึ้นไป หรือไตวายเรื้อรัง รวมทั้งผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดทดแทนไต โดยรักษาด้วยการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ล้างไตทางช่องท้อง และผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไต
ทำไมถึงมีอาการรุนแรงเมื่อติดโควิด
ต้องรู้อะไรก่อนฉีดวัคซีนโควิด
หากเป็นผู้ป่วยที่กำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกันขนาดสูง ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนฉีดวัคซีน
ทำไมถึงมีอาการรุนแรงเมื่อติดโควิด
ต้องรู้อะไรก่อนฉีดวัคซีนโควิด
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสามารถฉีดวัคซีนได้ ยกเว้นผู้ป่วยที่เพิ่งมีอาการหรืออาการยังไม่คงที่ จะต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อนถึงฉีดวัคซีน
สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาต้านเกล็ดเลือด, ยาป้องกันเลือดแข็งตัว หากมีผลตรวจระดับการแข็งตัวของเลือด (INR) อยู่ในระดับต่ำกว่า 4.0 ภายใน 1 สัปดาห์ หรืออยู่ในระดับต่ำกว่า 3.0 มาโดยตลอด ไม่จำเป็นต้องหยุดหรือปรับขนาดยาก่อนฉีดวัคซีน สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ได้ โดยใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็ก หลังจากฉีดแล้วกดตำแหน่งที่ฉีดไว้นานประมาณ 5 นาที จากนั้นอาจประคบด้วยน้ำแข็งหรือเจลเย็น
ทำไมถึงมีอาการรุนแรงเมื่อติดโควิด
เพราะผู้ป่วยโรคมะเร็งจะมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป
ต้องรู้อะไรก่อนฉีดวัคซีนโควิด
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ไม่ได้รับยาต้านมะเร็ง, ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับยามุ่งเป้าหรือภูมิคุ้มกันบำบัด สามารถฉีดวัคซีนได้เลย
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด หรือกำลังได้รับการผ่าตัด ควรพิจารณารับวัคซีน แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาเพื่อพิจารณาระยะเวลาที่เหมาะสม
- คนไข้โรคมะเร็งระบบเลือดที่ได้รับการดูแลรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ควรจะฉีดภายหลังรักษาครบ 3 เดือนไปแล้ว รวมทั้งควรจะหารือหมอพยาบาล
Be the first to comment