
ความเคลื่อนไหวของดวงตาสามารถส่งสัญญาณถึงปัญหาของสุขภาพได้ โดยเหตุนี้ การตรวจตากับหมอรักษาตาบ่อยๆหรือทุก 2 ปี เป็นสิ่งจำเป็น เพราะว่าจะช่วยตรวจค้นแล้วก็รักษาสภาวะสุขภาพที่รุนแรงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพที่ดีและลดการเจ็บป่วย ทางทีมข่าวสดจะขอนำเสนอดวงตาบอกโรคที่สามารถพบได้จากการทดสอบสายตา
1. โรคต้อหิน เป็นภาวะที่มักไม่มีอาการจะค่อยๆ พัฒนา แถมยังเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการตาบอดอีกด้วย หากสามารถตรวจพบในระยะแรกก็สามารถรักษาหาย ซึ่งโรคนี้พบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ แต่กลุ่มที่พบมากที่สุด คือผู้มีอายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีญาติใกล้ชิด เช่น พี่น้องบิดามารดาเป็นต้อหิน
2. โรคเบาหวาน ในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการใด ๆ แต่หากคุณตรวจตาเป็นประจำ ทำให้จักษุแพทย์สามารถสังเกตเห็นจุดเลือดที่ด้านหลังดวงตา คุณอาจมีอาการที่เรียกว่าภาวะเบาหวานขึ้นจอตา
ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวานและเป็นหนึ่งในสาเหตุของตาบอด โดยมีอาการปวดตา อาการตาลอย และการมองเห็นไม่ชัด ทั้งยังอาจไม่สังเกตเห็นได้จนกว่าจะมีอาการจะลุกลาม
3. โรคความดันโลหิตสูง สังเกตจากเรตินาและหลอดเลือดของดวงตา ความดันจะทำให้หลอดเลือดขนาดเล็กในเรตินางอ บิด แคบลง แข็งตัว หรือเริ่มรั่ว โดยผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถพัฒนาภาวะที่เรียกว่า โรคจอประสาทตาจากความดันโลหิตสูง ซึ่งจะมีอาการผนังหลอดเลือดหนา แคบลง และจำกัดการไหลเวียนของเลือด
หากไม่ได้รับการรักษา ความเสียหายของหลอดเลือดที่เกิดขึ้นอาจทำให้มองเห็นภาพซ้อน บิดเบี้ยว และสูญเสียการมองเห็น
4. โรคคอเลสเตอรอลสูง หากเห็นจุดหรือหยากไย่ลอยไปมาขณะที่ขยับดวงตา (Floaters) หรือเห็นแสงฟ้าแลบ (Flashing) หรือวงแหวนสีต่าง ๆ ที่มักจะปรากฏรอบ ๆ ม่านตา สาเหตุอาจมาจากคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูงหรือที่เรียกว่า Arcus Senilis
ซึ่งมักพบในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หากเกิดขึ้นในช่วงอายุต่ำกว่า 40 ปี อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดในสมองมากขึ้น
5. โรคหลอดเลือดสมอง การเริ่มมองเห็นภาพไม่ชัดอย่างกะทันหันอาจเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากภาพเบลอรวมกับสัญญาณสำคัญอื่น ๆ เช่น การพูดไม่ชัดและใบหน้าหย่อนคล้อย
หากจักษุแพทย์พบลิ่มเลือดอุดตันที่ด้านหลังของดวงตาหรือหลอดเลือดถูกทำลาย เนื่องจากความดันโลหิตสูง คุณอาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
6. โรคข้ออักเสบ หากมีอาการตาแห้งบ่อยครั้งแสดงว่ามีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบอาจมีอาการตาแดง ปวดตา มองเห็นภาพซ้อน มองเห็นไม่ชัด ไวต่อแสง ต้อหิน หรือต้อกระจก
7. ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ จะทำให้เกิดโรคเกรฟส์ ซึ่งเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบภูมิคุ้มกันของต่อมไทรอยด์ ส่งผลให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบดวงตา มีอาการปวดตา ตามัว มองเห็นภาพซ้อน ตาแพ้แสง หรือรู้สึกเหมือนมีทรายอยู่ในตา และในกรณีที่ร้ายแรงกว่านั้น จะทำให้กล้ามเนื้อตาอักเสบบวมแดงและตาโปน
8. โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS) เป็นโรคของระบบประสาทที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติด้านการมองเห็น การเคลื่อนไหวร่างกาย และการรับความรู้สึกต่าง ๆ ซึ่งโรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ กล่าวว่า โรคเอ็มเอสเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด
โดยจะมีอาการตามัว ความสามารถในการมองเห็นความคมชัดและสีของภาพลดลง หรืออาจมองเห็นภาพซ้อน หากมีภาวะการอักเสบของเส้นประสาทตาที่เรียกว่า Optic Neuritis ผู้ป่วยจะมีอาการXOSLOTตามัวเฉียบพลันร่วมกับอาการปวดบริเวณหลังกระบอกตา เมื่อผู้ป่วยกลอกตา
9. โรคดีซ่าน หากตาขาวของคุณมีสีเหลืองเหมือนกระดาษเก่านั้นแสดงถึงสัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างผิดปกติในร่างกายของคุณ ซึ่งเกิดจากฮีโมโกลบินส่วนหนึ่งของเลือดที่มีออกซิเจนแตกตัวเป็นบิลิรูบิน ซึ่งไม่ถูกขับออกจากร่างกาย โดยมีอาการอาการ มีไข้ ตาเหลือง ตัวเหลือง อ่อนเพลีย และปวดท้อง
10. โรคมะเร็ง ดวงตาบางทีอาจเป็นจุดแรกภายในร่างกายที่จะแสดงสัญญาณของโรคมะเร็ง หมอรักษาสายตาบางทีอาจเจอข้อชี้ชัดของโรคมะเร็ง ตั้งแต่โรคมะเร็งสมองไปจนกระทั่งเนื้องอกในสมองระหว่างการตรวจตาเสมอๆ
Be the first to comment