ขับรถลุยน้ำท่วมสูงอย่างไรให้ปลอดภัย

ลักษณะอากาศบ้านพวกเราเดี๋ยวนี้กำลังไปสู่ตอนมรสุม ซึ่งปัญหาฝนตกรถติดเป็นเรื่องที่คนขับขี่คนไม่ใช่น้อยบางทีอาจเคยเผชิญ รวมทั้งที่นอกเหนือจากนั้นแม้วันไหนกำเนิดฝนตกหนักเหตุการณ์ก็ยิ่งห่วย เป็นนอกเหนือจากการจราจรจะเป็นอัมพาตแล้ว ยังอาจจะต้องเจอกับน้ำรอการระบายในเส้นทางที่ต้องสัญจรผ่านด้วย “การขับรถลุยน้ำท่วม” จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แน่นอนว่ารถยนต์โดยทั่วไปไม่ได้ออกแบบมาให้ขับในน้ำ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่อยากจะแนะนำ คือ ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีน้ำท่วมสูงด้วยการศึกษาเส้นทางและติดตามข่าวสารก่อนออกเดินทางเสมอ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือเป็นเหตุสุดวิสัย รถยนต์ที่เราใช้กันอยู่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถขับลุยน้ำได้เลย เพียงแค่ต้องประเมินลักษณะของรถกับความสูงของน้ำที่ท่วมอยู่ก่อน ว่าถือเป็นความเสี่ยงเกินไปหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นน้ำSLOTXOที่ท่วมขังแค่สัก 10 เซนติเมตร หรือระดับไม่เกินข้อเท้า รถส่วนใหญ่ตั้งแต่รถเก๋งขนาดเล็กก็สามารถค่อย ๆ ขับผ่านไปได้เลย เพราะอยู่ในระดับที่ยังท่วมไม่ถึงท้องรถและท่อไอเสียนั่นเอง

ประเมินสถานการณ์ก่อนลุยน้ำ

สำหรับรถยนต์แบบต่าง ๆ จะมีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ (ground clearance) โดยประมาณ ดังนี้

– รถเก๋งเล็ก (รถเก๋งทั่วไป, รถอีโคคาร์, รถ MPV) ระดับต่ำสุดจากพื้นเฉลี่ย 14.5 เซนติเมตร

– รถกระบะเตี้ย, กระบะขนของ ระดับต่ำสุดจากพื้นเฉลี่ย 18 เซนติเมตร

– รถกระบะยกสูง ระดับต่ำสุดจากพื้นเฉลี่ย 22 เซนติเมตร

– รถอเนกประสงค์ (Mini SUV, SUV, PPV) ระดับต่ำสุดจากพื้นเฉลี่ย 22 เซนติเมตร

ลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย

ตามที่กล่าวไปแล้วก็คือ หากเจอกับน้ำท่วมไม่สูงนัก ผู้ขับย่อมจะสามารถค่อย ๆ ขับรถผ่านจุดที่น้ำท่วมขังได้เลยโดยไม่มีปัญหา แต่หากระดับน้ำสูงกว่านั้น คือสูงถึงใต้ท้องรถ หรือท่วมถึงขอบประตูรถ หรือท่วมถึงปลายท่อไอเสีย นั่นหมายความว่าการขับรถต้องใช้ความระมัดระวังและวิธีการที่ถูกต้อง ซึ่งการขับรถลุยน้ำท่วมสูงมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้

– ปิดแอร์ทันที เพราะหากเปิดแอร์ไว้พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำจะทำงาน ซึ่งเมื่อน้ำท่วมถึง พัดลมจะตีน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง อาจเกิดไฟช็อตและทำให้เครื่องยนต์ดับ แถมยังมีความเสี่ยงที่ใบพัดลมจะหักอีกด้วย

– ใช้เกียร์ต่ำ หากเป็นเกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์ 1-2 เพราะรถต้องใช้แรงในการฝ่าน้ำ ควบคุมความเร็วรถให้ต่ำ รถเบาดับยากที่สุด ส่วนกรณีที่เป็นเกียร์อัตโนมัติก็ปรับตำแหน่งคันเกียร์มาที่ L (Low) เสมอ

– รักษาความเร็วต่ำให้สม่ำเสมอ หรือรักษารอบเครื่องยนต์ไว้ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที ไม่ขับเร็วเพราะอาจทำให้เกิดคลื่นน้ำที่จะกระทบกับขอบทางเท้าหรือสิ่งกีดขวางอื่นแล้วย้อนกลับเข้ามาที่ตัวรถได้ นอกจากนี้การขับตามคันหน้าในระยะที่ปลอดภัยนับเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้สามารถคาดการณ์ลักษณะของพื้นผิวถนนที่จมอยู่ใต้น้ำได้ เรียกง่าย ๆ ว่าให้คันหน้าช่วยนำทางนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับการขับรถลุยน้ำท่วมสูงก็คือ หากประเมินสถานการณ์แล้วพบว่ามีโอกาสที่จะต้องหยุดหรือจอดรถแช่น้ำ หรือเส้นทางที่จะผ่านมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะทางไกลเกินไป ซึ่งแบบนี้ก็เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะดับหรือเกิดความเสียหายได้มากขึ้น และหากเกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเครื่องยนต์ดับในขณะที่แช่น้ำท่วมสูง ห้ามสตาร์ตเครื่องจักรโดยเด็ดขาด ด้วยเหตุว่าน้ำบางครั้งอาจจะเข้าระบบเครื่องยนต์กลไกซึ่งจะก่อให้กำเนิดความย่ำแย่ ถึงในตอนนี้มีทางเลือกสิ่งเดียวเป็นหาวิธีเข็นหรือลากรถยนต์ไปอยู่ในรอบๆที่พ้นน้ำแล้วหาวิธีปรับปรุงแก้ไขถัดไป

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*